ขอให้ผู้ใฝ่ธรรมทุกท่านมีความสุขกายสุขใจเถิด

ทำวัตรเช้า,กรวดน้ำเช้า,เจริญกัมมัฏฐาน,เจริญพรหมวิหาร



ทำวัตรเช้า
บูชาพระรัตนตรัย
ก่อนทำวัตรเช้า
ภิกษุ-สามเณรทุกรูปกราบผู้เป็นประธาน ๓ ครั้ง


โย โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ,
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น พระองค์ใด, เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบแล้ว,


ส๎วากขาโต เยนะ ภะคะวะตา ธัมโม,
พระธรรม คือ ศาสนา ที่พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น พระองค์ใด, ตรัสไว้ดีแล้ว,
สุปะฏิปันโน ยัสสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
พระสงฆ์ คือ ผู้ทรงธรรมวินัย, ซึ่งเป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น หมู่ใด, เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว,

ตัมมะยัง ภะคะวันตัง สะธัมมัง สะสังฆัง,
อิเมหิ สักกาเรหิ ยะถาระหัง อาโรปิเตหิ อะภิปูชะยามะ,
ข้าพเจ้าขอบูชาอย่างยิ่ง ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า,
พร้อมทั้งพระสัทธรรม, และพระอริยสงฆ์เจ้าทั้งหลาย,
ด้วยเครื่องสักการะเหล่านี้, ข้าพเจ้าได้ยกขึ้นประดิษฐาน
ไว้ดีแล้วในที่อันสมควรอย่างยิ่งเช่นนี้,

สาธุโน ภันเต ภะคะวา สุจิระปะรินิพพุโตปิ,
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น, แม้ปรินิพพานนานแล้วก็ตาม, ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ, ซึ่งยังประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่สาธุชนทั้งหลาย,

ปัจฉิมา ชะนะตา นุกัมปะมานะสา, อิเม สักกาเร ทุคคะตะปัณณาการะภูเต ปะฏิคคัณหาตุ,
ขอจงรับเครื่องสักการะบรรณาการ, ของคนยากทั้งหลายเหล่านี้ด้วย, เพื่ออนุเคราะห์แก่ประชุมชนผู้เกิดแล้วในภายหลังด้วย,

อัม๎หากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ.
เพื่อเป็นประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย, สิ้นกาลนานเทอญ.

 
คำไหว้พระ

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา,
พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นพระอรหันต์, ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง, ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง,

พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ,
ข้าพเจ้าอภิวาท พระผู้มีพระภาคเจ้า, ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน, (กราบ)

ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
พระธรรม เป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว,

ธัมมัง นะมัสสามิ,
ข้าพเจ้า นมัสการพระธรรม, (กราบ)

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะฆังสังโฆ,
พระสงฆ์สาวก ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว,

สังฆัง นะมามิ.
ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์. (กราบ)


ปุพพะภาคะนะมะการ
(ผู้เป็นหัวหน้านำดังนี้)

หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต
ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส
เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความนอบน้อม อันเป็นส่วนเบื้องต้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าเถิด
(แล้วสวดพร้อมกันว่า)

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต,
ขอนอบน้อม แด่พระผู้มี-พระภาคเจ้า พระองค์นั้น,
อะระหะโต,
ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส,
สัมมาสัมพุทธัสสะ.
ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง.
(กล่าว ๓ จบ)


๑.พุทธาภิถุติง
(ผู้เป็นหัวหน้านำดังนี้)
หันทะ มะยัง พุทธาภิถุติง กะโรมะ เส
เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความชมเชยเฉพาะพระพุทธเจ้าเถิด  (แล้วสวดพร้อมกันว่า)


โย โส ตะถาคะโต,
พระตถาคตเจ้านั้นพระองค์ใด,

อะระหัง,
เป็นผู้ไกลจากกิเลส,

สัมมาสัมพุทโธ,
เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง,

วิชชาจะระณะสัมปันโน,
เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ,

สุคะโต,
เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี,

โลกะวิทู,
เป็นผู้รู้โลก อย่างแจ่มแจ้ง,

อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ,
เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า,

สัตถา เทวะมะนุสสานัง,
เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย,

พุทโธ,
เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้วยธรรม,

ภะคะวา,
เป็นผู้มีความจำเริญจำแนกธรรม สั่งสอนสัตว์,

โย อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพ๎รัหม๎กัง, สัสสะมะณะพ๎ราหม๎ณิง ปะชัง, สะเทวะมะนุสสัง สะยัง อะภิญญา  สัจฉิกัต๎วา ปะเวเทสิ,
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด, ได้ทรงทำความดับทุกข์ ให้แจ้งด้วยพระปัญญาอันยิ่งเองแล้ว, ทรงสอนโลกนี้พร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม, และหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์, พร้อมทั้งเทวดา และมนุษย์ ให้รู้ตาม,

โย ธัมมัง เทเสสิ,
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด, ทรงแสดงธรรมแล้ว,

อาทิกัล๎ยาณัง,
ไพเราะในเบื้องต้น,

มัชเฌกัล๎ยาณัง,
ไพเราะในท่ามกลาง,

ปะริโยสานะกัล๎ยาณัง,
ไพเราะในที่สุด,

สาตถัง สะพ๎ยัญชะนัง เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง พ๎รัหม๎จะริยัง ปะกาเสสิ,
ทรงประกาศพรหมจรรย์, คือแบบแห่งการปฏิบัติอันประเสริฐบริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง, พร้อมทั้งอรรถะ (คำอธิบาย) พร้อมทั้งพยัญชนะ (หัวข้อ),

ตะมะหัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ,
ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น,

ตะมะหัง ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ.
ข้าพเจ้านอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้าฯ.
(กราบระลึกถึงพระพุทธคุณ)


๒.ธัมมาภิถุติง
(ผู้เป็นหัวหน้านำดังนี้)
หันทะ มะยัง ธัมมาภิถุติง กะโรมะ เส
เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความชมเชยเฉพาะพระธรรมเถิด   (แล้วสวดพร้อมกันว่า)


โย โส ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
พระธรรมนั้นใด, เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสไว้ดีแล้ว


สันทิฏฐิโก,
เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง,

อะกาลิโก,
เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล,

เอหิปัสสิโก,
เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่า, ท่านจงมาดูเถิด,

โอปะนะยิโก,
เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว,

ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ,
เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน,

ตะมะหัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ,
ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระธรรมนั้น,

ตะมะหัง ธัมมัง สิระสา นะมามิ.
ข้าพเจ้านอบน้อมพระธรรมนั้นด้วยเศียรเกล้าฯ.

(กราบระลึกถึงพระธรรมคุณ)


๓.สังฆาภิถุติง
(ผู้เป็นหัวหน้านำดังนี้)
หันทะ มะยัง สังฆาภิถุติง กะโรมะ เส
เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความชมเชยเฉพาะพระสงฆ์เถิด
(แล้วสวดพร้อมกันว่า)


โย โส สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นหมู่ใด, ปฏิบัติดีแล้ว,

อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด, ปฏิบัติตรงแล้ว,

ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว,

สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติสมควรแล้ว,

ยะทิทัง,
ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ,

จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา,
คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียง ตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ,

เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า,

อาหุเนยโย,
เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา,

ปาหุเนยโย,
เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ,

ทักขิเณยโย,
เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน,

อัญชลีกะระณีโย,
เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี,

อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ,
เป็นเนื้อนาบุญของโลก, ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า,

ตะมะหัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ,
ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่งเฉพาะพระสงฆ์หมู่นั้น,

ตะมะหัง สังฆัง สิระสา นะมามิฯ.
ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์หมู่นั้น ด้วยเศียรเกล้าฯ.

(กราบระลึกถึงพระสังฆคุณ)


๔. ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถา
(ผู้เป็นหัวหน้านำดังนี้)
หันทะ มะยัง ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถาโย
เจวะสังเวคะ ปะริกิตตะนะปาฐัญจะ ภะณามะ เส

เชิญเถิดเราทั้งหลาย กล่าวคาถาประณามพระรัตนตรัยและบาลีที่กำหนดวัตถุเครื่องแสดงความสังเวชเถิด
(แล้วสวดพร้อมกันว่า)


พุทโธ สุสุทโธ กะรุณามะหัณณะโว,
พระพุทธเจ้าผู้บริสุทธิ์, มีพระกรุณาดุจห้วงมหรรณพ,

โยจจันตะสุทธัพพะระญาณะโลจะโน,
พระองค์ใด มีตาคือญาณอันประเสริฐ, หมดจดถึงที่สุด,

โลกัสสะ ปาปูปะกิเลสะฆาตะโก,
เป็นผู้ฆ่าเสียซึ่งบาปและอุปกิเลสของโลก,

วันทามิ พุทธัง อะหะมาทะเรนะ ตัง,
ข้าพเจ้าไหว้พระพุทธเจ้า พระองค์นั้น, โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ,

ธัมโม ปะทีโป วิยะ ตัสสะ สัตถุโน,
พระธรรมของพระศาสดา, สว่างรุ่งเรืองเปรียบดวงประทีป,

โย มัคคะปากามะตะเภทะภินนะโก,
จำแนกประเภท คือ มรรค ผล นิพพาน ส่วนใด,

โลกุตตะโร โย จะ ตะทัตถะทีปะโน,
ซึ่งเป็นตัวโลกุตระ, และส่วนใดที่ชี้แนวแห่งโลกุตระนั้น,

วันทามิ ธัมมัง อะหะมาทะเรนะ ตัง,
ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมนั้น, โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ,

สังโฆ สุเขตตาภ๎ยะติเขตตะ สัญญิโต,
พระสงฆ์เป็นนาบุญ อันยิ่งใหญ่กว่านาบุญอันดีทั้งหลาย,

โย ทิฏฐะสันโต สุคะตานุโพธะโก,
เป็นผู้เห็นพระนิพพาน, ตรัสรู้ตามพระสุคตหมู่ใด,

โลลัปปะหีโน อะริโย สุเมธะโส,
เป็นผู้ละกิเลสเครื่องโลเล, เป็นพระอริยเจ้ามีปัญญาดี,

วันทามิ สังฆังอะหะมาทะเรนะ ตัง,
ข้าพเจ้าไหว้พระสงฆ์หมู่นั้น, โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ,

อิจเจวะ เมกันตะภิปูชะเนยยะกัง, วัตถุตตะยัง วันทะยะตาภิสังขะตัง, ปุญญัง มะ  ยา ยัง มะมะสัพพุปัท๎วา, มา โหนตุ เว ตัสสะ ปะภาวะสิทธิยา,
บุญใด ที่ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งวัตถุสาม, คือพระรัตนตรัย, อันควรบูชายิ่งโดยส่วนเดียว, ได้กระทำแล้วเป็นอย่างยิ่งเช่นนี้นี้, ขออุปัทวะ(ความชั่ว)ทั้งหลาย, จงอย่ามีแก่ข้าพเจ้าเลย, ด้วยอำนาจความสำเร็จ อันเกิดจากบุญนั้น,

อิธะ ตะถาคะโต โลเก อุปปันโน,
พระตถาคตเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลกนี้,

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ,
เป็นผู้ไกลจากกิเลส, ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง,

ธัมโม จะ เทสิโต นิยยานิโก,
และพระธรรมที่ทรงแสดง, เป็นธรรม เครื่องออกจากทุกข์,

อุปะสะมิโก ปะรินิพพานิโก,
เป็นเครื่องสงบกิเลส, เป็นไปเพื่อปรินิพพาน,

สัมโพธะคามี สุคะตัปปะเวทิโต,
เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม, เป็นธรรมที่พระสุคตประกาศ,

มะยันตัง ธัมมัง สุต๎วา เอวัง  ชานามะ,
พวกเราเมื่อได้ฟังธรรมนั้นแล้ว, จึงได้รู้อย่างนี้ว่า,

ชาติปิ ทุกขา,
แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์,

ชะราปิ ทุกขา,
แม้ความแก่ก็เป็นทุกข์,

มะระณัมปิ ทุกขัง,
แม้ความตายก็เป็นทุกข์,

โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิ ทุกขา,
แม้ความโศก ความร่ำไรรำพัน, ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ, ความคับแค้นใจก็เป็นทุกข์,

อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข,
ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์,

ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข,
ความพลัดพรากจากสิ่งเป็น ที่รัก ที่พอใจก็เป็นทุกข์,

ยัมปิฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง,
มีความปรารถนาสิ่งใด, ไม่ได้สิ่งนั้น นั่นก็เป็นทุกข์,

สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา,
ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ เป็นตัวทุกข์,

เสยยะถีทัง,
ได้แก่ สิ่งเหล่านี้คือ,

รูปูปาทานักขันโธ,
ขันธ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ รูป,

เวทะนูปาทานักขันโธ,
ขันธ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ เวทนา,

สัญญูปาทานักขันโธ,
ขันธ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ สัญญา,

สังขารูปาทานักขันโธ,
ขันธ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ สังขาร,

วิญญาณูปาทานักขันโธ,
ขันธ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ วิญญาณ,

เยสัง ปะริญญายะ,
เพื่อให้สาวกกำหนดรอบรู้อุปาทานขันธ์ เหล่านี้เอง,

ธะระมาโน โส ภะคะวา,
จึงพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น, เมื่อยังทรงพระชนม์อยู่,

เอวัง พะหุลัง สาวะเก วิเนติ,
ย่อมทรงแนะนำสาวกทั้ง หลายเช่นนี้เป็นส่วนมาก,

เอวังภาคา จะปะนัสสะ ภะคะวะโต สาวะเกสุ อะนุสาสะนี พะหุลา ปะวัตตะติ,
อนึ่ง คำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น, ย่อมเป็นไปในสาวกทั้งหลายส่วนมาก, มีส่วนคือการจำแนกอย่างนี้ว่า,

รูปัง อะนิจจัง,
รูปไม่เที่ยง,

เวทะนา อะนิจจา,
เวทนาไม่เที่ยง,

สัญญา อะนิจจา,
สัญญาไม่เที่ยง,

สังขารา อะนิจจา,
สังขารไม่เที่ยง,

วิญญาณัง อะนิจจัง,
วิญญาณไม่เที่ยง,

รูปัง อะนัตตา,
รูปไม่ใช่ตัวตน,

เวทะนา อะนัตตา,
เวทนาไม่ใช่ตัวตน,

สัญญา อะนัตตา,
สัญญาไม่ใช่ตัวตน,

สังขารา อะนัตตา,
สังขารไม่ใช่ตัวตน,

วิญญาณัง อะนัตตา,
วิญญาณไม่ใช่ตัวตน,

สัพเพ สังขารา อะนิจจา,
สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง,

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ,
ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัวตน ดังนี้,

เต(ตา) มะยัง โอติณณาม๎หะ(คำที่อยู่ในวงเล็บเช่นนี้ สำหรับผู้หญิงว่า)
พวกเราทั้งหลายเป็นผู้ถูก ครอบงำแล้ว,

ชาติยา,
โดยความเกิด,

ชะรามะระเณนะ,
โดยความแก่และความตาย,

โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ,
โดยความโศก ความร่ำไรรำพัน, ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจทั้งหลาย,

ทุกโข ติณณา,
เป็นผู้ถูกความทุกข์หยั่งเอาแล้ว,


ทุกขะปะเรตา,
เป็นผู้มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว,

อัปเปวะนามิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ
อันตะกิริยา ปัญญาเยถาติ,
ทำไฉน การกระทำที่สุด, แห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้, จะพึงปรากฏชัดแก่เราได้,

 
สำหรับภิกษุ-สามเณรพึงสวด

จิระปะรินิพพุตัมปิตัง ภะคะวันตัง
อุทิสสะ อะระหันตัง สัมมาสัมพุทธัง,
เราทั้งหลายอุทิศเฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้า, ผู้ไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง, แม้ปรินิพพานนานแล้วพระองค์นั้น,

สัทธา อะคารัส๎มา อะนะคาริยัง ปัพพะชิตา,
เป็นผู้มีศรัทธา ออกบวชจากเรือน ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว,

ตัส๎มิง ภะคะวะติ พรัหม๎จะริยัง จะรามะ,
ประพฤติอยู่ซึ่งพรหมจรรย์ ในพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น,
จาก * ถึง * สามเณรไม่ต้องสวด

*ภิกขูนัง สิกขาสาชีวะสะมาปันนา,
ถึงพร้อมด้วยสิกขาและธรรมเป็นเครื่องเลี้ยงชีวิตของพระภิกษุทั้งหลาย,
ตัง โน พรัหม๎จะริยัง อิมัสสะ เกวะลัสสะ
ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุ.
ขอให้พรหมจรรย์ของเราทั้งหลายนั้น, จงเป็นไปเพื่อการทำที่สุด แห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ เทอญ.*




สำหรับแม่ชี-อุบาสก-อุบาสิกาพึงสวด

จิระปะรินิพพุตัมปิตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะโต(ตา),
เราทั้งหลายผู้ถึงแล้วซึ่งพระผู้ มีพระภาคเจ้า, แม้ปรินิพพานนานแล้วพระองค์นั้นเป็นสรณะ,

ธัมมัญจะ สังฆัญจะ,
ถึงพระธรรมด้วย ถึงพระสงฆ์ด้วย,

ตัสสะ ภะคะวะโต สาสะนัง ยะถาสะติ ยะถาพะลัง มะนะสิกะโรมะ อะนุปะฏิปัชชามะ,
จักทำในใจอยู่ ปฏิบัติตามอยู่, ซึ่งคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น, ตามสติกำลัง,

สาสาโน ปะฏิปัตติ,
ขอให้ความปฏิบัตินั้นๆ ของเราทั้งหลาย,

อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุ.
จงเป็นไปเพื่อการทำที่สุด, แห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ เทอญ.





กรวดน้ำตอนเช้า
เทวะตาทิปัตติทานะคาถา
(ผู้เป็นหัวหน้านำดังนี้)
หันทะ มะยัง ปะฏิทานะคาถาโย ภะณามะ เส
(แล้วสวดพร้อมกันว่า)


ยาเทวะตา สันติวิหาระวาสินี,
ถูเป ฆะเร โพธิฆะเร ตะหิง  ตะหิง,
เทพยดาทั้งหลายเหล่าใด, มีปกติอยู่ในวิหาร,
สิงสถิตที่เรือนพระสถูป, ที่เรือนโพธิ์ในที่นั้นๆ,

ตาธัมมะทาเนนะ ภะวันตุ ปูชิตา,
โสตถิง กะโรนเตธะ วิหาระมัณฑะเล,
เทพยดาทั้งหลายเหล่านั้น, เป็นผู้อันเราทั้งหลาย,
บูชาแล้วด้วยธรรมทาน, ขอจงทำซึ่งความสวัสดี,
ความเจริญในมณฑลวิหารนี้,

เถรา จะมัชฌา นะวะกา จะ ภิกขะโว,
สารามิกา  ทานะปะตี อุปาสะกา,
พระภิกษุทั้งหลาย, ที่เป็นเถระก็ดี, ที่เป็นปานกลางก็ดี,
ที่เป็นผู้บวชใหม่ก็ดี, อุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย,
ที่เป็นทานบดี, พร้อมด้วยอารามิกชนก็ดี,

คามาจะ เทสานิคะมา จะ อิสสะรา
สัปปาณะ ภูตา สุขิตา ภะวันตุเต,
ชนทั้งหลายเหล่าใด, ที่เป็นชาวบ้านก็ดี,
ที่เป็นชาวประเทศก็ดี, ที่เป็นชาวนิคมก็ดี,
ที่เป็นอิสระเป็นใหญ่ก็ดี, ขอชนทั้งหลายเหล่านั้น,
จงเป็นผู้มีความสุขเถิด,

ชะลาพุชา เยปิจะ อัณฑะสัมภะวา,
สังเสทะชาตา อะถะโวปะปาติกา,
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นชลาพุชะกำเนิดก็ดี,
ที่เป็นอัณฑชะกำเนิดก็ดี, ที่เป็นสังเสทะชะกำเนิดก็ดี,
ที่เป็นโอปะปาติกะกำเนิดก็ดี,

นิยยานิกัง ธัมมะวะรัง ปะฏิจจะเต,
สัพเพปิ ทุกขัสสะ กะโรนตุ สังขะยัง,
สัตว์ทั้งหลาย แม้ทั้งปวงเหล่านั้น,ได้อาศัยซึ่งธรรมอันประเสริฐ,
เป็นนิยานิกะธรรม,ประกอบในอันนำผู้ปฏิบัติ, ให้ออกไปจากสังสารทุกข์,
จงกระทำซึ่งความสิ้นไป, พร้อมแห่งทุกข์เถิด,

ฐาตุ จิรัง สะตัง ธัมโม ธัมมัทธะรา จะ ปุคคะลา,
ขอธรรมของสัตบุรุษทั้งหลาย, จงตั้งอยู่นาน,
อนึ่งขอบุคคลทั้งหลาย, ผู้ทรงไว้ซึ่งธรรม, จงดำรงอยู่นาน,

สังโฆ โหตุ สะมัคโควะ อัตถายะจะ หิตายะจะ,
ขอพระสงฆ์จงมีความสามัคคี, พร้อมเพรียงกัน,
ในอันทำซึ่งประโยชน์, และสิ่งอันเกื้อกูลเถิด,

อัมเหรักขะตุ สัทธัมโม สัพเพปิ ธัมมะจาริโน,
ขอพระสัทธรรม, จงรักษาไว้ซึ่งเราทั้งหลาย,
แล้วจงรักษาไว้ซึ่งบุคคลทั้งหลาย, ผู้ประพฤติซึ่งธรรมแม้ทั้งปวง,

วุฑฒิง สัมปาปุเณยยามะ ธัมเม อะริยัปปะเวทิเต.
ขอเราทั้งหลาย,พึงถึงพร้อมซึ่งความเจริญ,ในธรรมที่พระอริยเจ้า, ประกาศไว้แล้วเถิด.

(ขณะหยุด) ให้อธิษฐานจิตตามปรารถนา แผ่ให้เจ้ากรรมนายเวร หรือที่ได้บนตัวบวชไว้ ฯลฯ


บทเจริญพระกรรมฐาน
(ผู้เป็นหัวหน้านำดังนี้)
หันทะ มะยัง กัมมัฏฐานัง กะโรมะ เส
(แล้วสวดพร้อมกันว่า)


ข้าพเจ้า  จักเจริญ  พระกรรมฐานภาวนา
บูชาคุณพระรัตนตรัยอุดม

สร้างสมทะสะบารมีธรรม

บำเพ็ญอิทธิบาททั้งสี่

บ่มอินทรีย์ให้แก่โดยกาล


สังหารนิวรณ์ห้าให้หาย


สืบสายวิตกวิจารปีติ

สิริรวมสุขเอกัคคตา
ต่อมาให้ถึงฌานสี่
 
พร้อมด้วยวสีทั้งห้า

เจริญมรรคาพระอริยะสมังคี

ล้างธุลีกิเลสให้สูญ

ตัดมูลอาสวะอนุสัย

ห่างไกลสังโยชน์ทั้งปวง

ล่วงถึงประโยชน์ยิ่งใหญ่

ขอคุณพระรัตนตรัย

คุณไท้ธิราชเทวา

คุณมารดาบิดาครูอาจารย์

คุณความดีทุกประการ

จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าพเจ้า

บรรเทาทุกข์ร้อนให้เหือดหาย

ทำลายมารห้าให้พินาศ

ปราศจาก ภยันตรายนิรันดร์

เกษมสันต์ประสบสิ่งเสมอใจ

สมดั่งมุ่งหมาย ณ กาลบัดนี้ เทอญ.


เจริญพรหมวิหาร (บทแผ่เมตตา)


สัพเพ สัตตา,
สัตว์ทั้งหลาย, ที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น, เราอุทิศบุญกุศลของเราให้หมดด้วยกัน,
อะเวรา,
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด, อย่า ได้มีเวรแก่กันและกันเลย,
อัพ๎ยาปัชฌา,
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด, อย่าได้พยาบาทเบียด เบียนซึ่งกันและกันเลย,
อะโรคา,
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด, อย่าได้มีความเจ็บไข้ ลำบากกาย ลำบากใจเลย,
อะนีฆา,
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด, อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย,
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.
จงมีความสุขกายสุขใจ, รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นนี้ เทอญ.


คำไหว้พระ

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา,
พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นพระอรหันต์,ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง, ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง,

พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ,
ข้าพเจ้าอภิวาท พระผู้มีพระภาคเจ้า, ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน, (กราบ)

ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
พระธรรม เป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว,

ธัมมัง นะมัสสามิ,
ข้าพเจ้า นมัสการพระธรรม, (กราบ)

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะฆังสังโฆ,
พระสงฆ์สาวก ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว,

สังฆัง นะมามิ,
ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์, (กราบ)

มาตาปิตุคุณัง อะหัง วันทามิ,
ข้าพเจ้ากราบวันทาบิดามารดา ผู้มีพระคุณโดยความเคารพ, (กราบ)

คะรุอุปัชฌายาจาริยะคุณัง อะหัง วันทามิ.
ข้าพเจ้ากราบวันทา ครู อุปัชฌาย์ อาจารย์ ผู้มีพระคุณโดยความเคารพ. (กราบ)